จิงโจ้ทอง กาวซีเมนต์ ปูนกาวติดกระเบื้องที่มีคุณสมบัติดีเยี่ยม มีความยืดหยุ่นดี มีค่าการยึดเกาะสูงสุด ทนทานต่อแรงสั่นสะเทือน ทนทานต่อสภาพแวดล้อม แดด และฝน สามารถติดทับกระเบื้องเดิมโดยไม่ต้องสกัดของเก่าออก ติดทับกระเบื้องเดิมได้ ติดแน่นทุกพื้นผิววัสดุ เช่น พื้นผิวไม้อัด แผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์ วีว่าบอร์ด และซีเมนต์บอร์ด เหมาะสำหรับกระเบื้องขนาดใหญ่พิเศษ 100×100 ซม. ขึ้นไป เช่น กระเบื้องเซรามิคทุกชนิด หินอ่อน หินแกรนิต โมเสคแก้ว และกระเบื้องแก้ว สามารถใช้ได้ทั้งงานภายในและภายนอกอาคาร เนื้อปูนเหนียว ติดแน่น ไม่สไลด์ตัว
ขั้นตอนการผสม
การผสมปูน
จิงโจ้ทอง กาวซีเมนต์ 20 กิโลกรัม (1 ถุง) ต่อน้ำ 5.2 ลิตร หรือกาวซีเมนต์ 2.7 ส่วน ต่อน้ำ 1 ส่วนโดยปริมาตร กวนปูนผสมให้เป็นเนื้อเดียวกันไม่เป็นเม็ด โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท
ผสมด้วยเครื่อง
การกวนด้วยเครื่องผสม ควรกวนนานไม่ต่ำกว่า 3 นาที โดยดูว่าเป็นเนื้อเดียวกันไม่เป็นเม็ด แล้วทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที ให้สารเคมีแตกตัวกวนซ้ำอีกครั้ง แล้วสามารถใช้งานได้ทันที
ผสมด้วยมือ
ควรใช้เกรียงใบโพธิ์กวนนานๆ โดยดูว่าไม่เป็นเม็ด แล้วทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที ให้สารเคมีแตกตัวกวนซ้ำอีกครั้ง แล้วสามารถใช้งานได้ทันที
การเตรียมพื้นผิว
- เตรียมกระเบื้องที่สะอาด และแห้งก่อนปูกระเบื้อง (ห้ามนำกระเบื้องแช่น้ำ)
- พื้นผิวผนังฉาบหรือปูนที่ปรับระดับใหม่ ต้องใช้เวลาการบ่มตามมาตรฐาน ไม่ต่ำกว่า 7 วัน
- พื้นผิวที่จะทำการปูกระเบื้องต้องเรียบได้ระดับ ผิวฉาบ-ผิวปรับระดับต้องแข็งแรงไม่ร่อน
- กรณีพื้นที่ส่วนเปียก เช่น ห้องน้ำและห้องครัวควรทำระบบกันซึมก่อนทำการปูกระเบื้องเพื่อลดปัญหาน้ำรั่วซึม และความชื้นสะสมในผนัง
- กรณีพื้นผิวเก่าที่ทาสีแล้ว ต้องทำการลอกสีออกก่อน
- ก่อนการปูกระเบื้อง ต้องทำการตีแนวหาเส้นแบ่งระยะ หาเศษกระเบื้อง เพื่อให้ตรงตามแบบ
- พื้นผิวที่มีรูพรุนมาก หรือการซึมซับน้ำสูง ต้องทำการพรมน้ำพอหมาดก่อนการปูกระเบื้อง
กรณีปูทับกระเบื้องเดิม
ต้องตรวจสอบความสามารถในการยึดเกาะระหว่างกระเบื้องและผิวคอนกรีต หากความสามารถในการยึดเกาะต่ำ จะต้องสกัดกระเบื้องเดิมทิ้งก่อน
การปูกระเบื้อง
- ปาดกาวซีเมนต์ด้วยเกรียงร่องหวีตามขนาด (ขึ้นอยู่กับขนาดของกระเบื้อง) เป็นทางยาวบนพื้นผิวงาน ประมาณ 1-2 ตร.ม. โดยปาดกาวซีเมนต์ให้ทั่ว ตามความหนาของร่องหวีที่ใช้ เพื่อเป็นการควบคุมปริมาณกาวซีเมนต์ให้สม่ำเสมอโดยสังเกตความข้นเหลวดังนี้ ปูนเหลวเกินไป – เส้นร่องหวีจะล้มไม่อยู่ตัว แก้โดยการเติมปูนผสมอีกครั้ง ปูนข้นเกินไป – เส้นร่องหวีเกรียงจะขาด แก้ด้วยการเติมน้ำผสมอีกครั้ง
- ในกรณีปูกระเบื้องขนาดใหญ่ 60×60 ซม. แต่ไม่สามารถจัดหาเกรียงร่องหวีขนาด 12 มม. จึงมีความจำเป็นต้องใช้ เกรียงร่องหวีขนาด 6 มม. (ที่มีขายทั่วไปตามร้านวัสดุ) ควรปาดกาวซีเมนต์ด้วยเกรียงร่องหวีเพิ่ม ลงบนด้านหลังกระเบื้องให้ทั่ว เพื่อให้หลังกระเบื้องมีกาวซีเมนต์เต็มทั่วถึง โดยไม่มีช่องว่างอากาศภายในใต้กระเบื้อง เพราะช่องว่างอากาศส่งผลทำให้ปูนยึดเกาะน้อย กระเบื้องเปราะ และน้ำสามารถไหลซึมเข้าไปได้
- เมื่อทำการปาดปูนด้วยเกรียงร่องหวีเป็นที่เรียบร้อย ระยะเวลาประมาณ 5 – 10 นาที เป็นระยะเวลาใช้งานหลังปาดปูน ที่เหมาะสมได้ค่าการยึดเกาะดี
- จากนั้นปูกระเบื้องทับบนกาวซีเมนต์ที่ทำการปาดไว้ กดให้แน่น และใช้ค้อนยางเคาะบนกระเบื้องให้ทั่ว เพื่อให้ร่องของกาวซีเมนต์หลังแผ่นกระเบื้อง กดทับประสานกันอย่างทั่วถึง ควรเว้นร่องเพื่อการยาแนวอย่างน้อย 2 มม. (ในกรณีกาวซีเมนต์ล้นขึ้นมาที่ร่องยาแนว ให้เช็ดออกเพื่อรักษาช่องของร่องยาแนวไว้)
- หากต้องการจัดแนวกระเบื้อง สามารถปรับตกแต่งกระเบื้องแต่ละแผ่นภายในเวลาประมาณ 10 – 15 นาที ก่อนกาวซีเมนต์จะแห้ง
- หลังการปูกระเบื้องเสร็จ ก่อนการยาแนวรอให้กาวซีเมนต์แห้งสนิทประมาณ 24 ชั่วโมง ในกรณีปูกระเบื้องพื้นก่อนเปิดใช้งานควรบ่มปูนไว้อย่างน้อย ประมาณ 48 ชั่วโมง
ข้อควรระวัง
- ไม่ควรปาดปูนกาวซีเมนต์หลังกระเบื้องเป็นจุดๆ (ปูซาลาเปา) ทำให้กระเบื้องเปราะแตกง่าย
- หลีกเลี่ยงการปูกระเบื้องกลางแจ้ง อุณหภูมิพื้นผิวสูงส่งผลให้ ค่ายึดเกาะต่ำ
- ผลิตภัณฑ์มีส่วนประกอบเป็นซีเมนต์ อาจเกิดการระคายเคืองได้ หากโดนผิวหนังหรือเข้าตา ให้ทำการล้างออกด้วยน้ำสะอาด ถ้ามีอาการแพ้ควรพบแพทย์
การเก็บรักษา
- ควรกองเก็บในที่ร่ม ไม่เปียกชื้น
- อายุการกองเก็บได้นาน 12 เดือน
คำแนะนำ
- ไม่ต้องนำกระเบื้องแช่น้ำ
- หลังจากผสมปูนแล้วควรใช้งานให้หมดภายใน 2 ชม.
- ควรทิ้งไว้นาน 24 ชม. ก่อนยาแนว
- ติดกระเบื้องผนังขนาด 60×60 ซม. ขึ้นไป ควรทำแนวตั้งรับ
- กรณีปูทับกระเบื้องเดิม ต้องตรวจสอบความสามารถใน การยึดเกาะระหว่างกระเบื้องและผิวคอนกรีต หากความสามารถในการยึดเกาะต่ำจะต้องสกัดกระเบื้องเดิมออก